ชีวิตส่วนตัว ของ จอห์นนี เดปป์

ครอบครัวและชีวิตรัก

การแต่งงานครั้งแรกของจอห์นนี เดปป์เกิดขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 1983 กับ Lori Anne Allison ซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าและเป็นคนที่แนะนำจอห์นนีให้รู้จักกับนิโคลัส เคจผู้ชักนำจอห์นนีเข้าสู่วงการบันเทิง จอห์นนีและลอรี่หย่าร้างกันไปในปี 1986 ต่อมาในปีเดียวกันนั้น จอห์นนีได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับSherilyn Fenn ซึ่งเป็นนักแสดงและได้ร่วมงานกับเขาในซีรีส์เรื่อง 21 Jump Street ด้วย ทั้งคู่เลิกลากันไปในปี 1988 จากนั้นจอห์นนีก็คบกับ Jennifer Grey และเคยมีข่าวลือว่าทั้งคู่หมั้นกันแต่ทั้งสองก็เลิกลากันไปในเวลาสั้น ๆ

หนึ่งในความสัมพันธ์ที่โด่งดังมากที่สุดของจอห์นนี เดปป์นั่นคือช่วงที่เขาคบกับวิโนนา ไรเดอร์ ในปี 1990 จอห์นนีได้เจอวิโนน่าครั้งแรกในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Great Balls of Fire ในปี 1989 และประทับใจเธอตั้งแต่แรกเห็น จนต่อมาทั้งคู่ได้นั่งทานดินเนอร์ที่โต๊ะเดียวกันในงานปาร์ตี้ซึ่งมีเจ้าภาพเป็นพ่อทูนหัวของวิโนน่า และทั้งคู่ก็ได้คบหาดูใจกันจนกระทั่งจอห์นนีได้ขอหมั้นเธอและถึงกับสักต้นแขนของเขาด้วยคำว่า Winona Forever แต่ทั้งคู่ก็ยุติความสัมพันธ์ลงในปี 1993 หลังจากนั้นจอห์นนีก็ลบรอยสักให้เหลือเพียงคำว่า Wino Forever การเลิกลากันครั้งนี้ทำให้จอห์นนีเสียใจอย่างมาก เขาดื่มหนักและไม่ยอมพักผ่อนจนเกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาฉุดตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง และได้มาเจอกับเคต มอส ซุปเปอร์โมเดลชื่อดังในปี 1994 จนกระทั่งในปี 1998 ทั้งคู่ก็เลิกลากันโดยที่จอห์นนีได้ให้เหตุผลว่าความต้องการของทั้งคู่ไม่ตรงกัน และบอกว่าเขายังดีไม่พอสำหรับเธอ เพราะฉะนั้นแล้วการเลิกลากันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ทั้งคู่จะทำได้

หลังจากเลิกลากับเคต มอสไปในปี 1998 จอห์นนีก็เดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Ninth Gate ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ที่นั่นเขาได้เจอกับVanessa Paradis นักร้องนักแสดงสาวชาวฝรั่งเศส ทั้งคู่มีบุตรธิดาร่วมกัน 2 คนคือ

  • ลิลี่-โรส เมโลดี้ เดปป์ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1999
  • แจ็ก จอห์น คริสโตเฟอร์ เดปป์ ที่ 3 เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2002

จอห์นนีและวาเนสซ่าไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสกัน โดยที่เขาให้เหตุผลว่าชื่อของวาเนสซ่า ปาราดีส์นั้นเพราะดีอยู่แล้ว ถ้าหากจะต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่าวาเนสซ่า เดปป์คงจะดูไม่ดีซักเท่าไหร่แต่ถ้าหากว่าวาเนสซ่าอยากจะแต่งงานเขาก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายขอเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเวลา 14 ปี ในปลายปี 2011 มีข่าวลือว่าทั้งคู่เลิกลากันแต่พวกเขาก็ปฏิเสธมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ 18 มิถุนายน 2012 โฆษกส่วนตัวของจอห์นนี เดปป์ก็ได้ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ E! Online อย่างเป็นทางการว่าทั้งคู่ได้เลิกลากันด้วยความเข้าใจและยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

ในช่วงนั้นได้มีข่าวลือออกมาอีกว่าจอห์นนี เดปป์กำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์กับAmber Heard นางเอกสาวที่เคยร่วมงานกับเขาในภาพยนตร์เรื่อง The Rum Diary ในปี 2009 และมีภาพทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันหลายต่อหลายครั้งแต่ทั้งสองก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งวันที่ 11 มกราคม 2014 จอห์นนีและแอมเบอร์เปิดตัวว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันอย่างเป็นทางการในงาน The Art of Elysium's 7th Annual Heaven Gala

จอห์นนี เดปป์ได้ขอหมั้นแอมเบอร์ เฮิร์ดได้คืนคริสมาสต์อีฟ ปี 2013 แต่เขายืนยันด้วยตัวเองในเดือนเมษายน 2014 ในช่วงที่โปรโมท Transcendence ภาพยนตร์ที่เขาแสดงนำ และเขายังให้สัมภาษณ์ด้วยว่าแอมเบอร์เข้ากับลูก ๆ ของเขาได้ดีและคือคนที่ทำให้เขาอยากจะแต่งงานอีกครั้ง ถึงแม้ทั้งคู่จะอายุห่างกันถึง 23 ปี หลังจากหมั้นกันมากว่า 1 ปี จอห์นนี่และแอมเบอร์ก็ได้แต่งงานกันอย่างลับ ๆ ในบ้านของทั้งสองที่ลอสแอนเจลิสในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2015 และได้จัดพิธีวิวาห์เล็ก ๆ ที่มีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทของทั้งคู่ที่ถูกเชิญมาร่วมงานบนเกาะ Little Hall's Pond Cay เกาะส่วนตัวของจอห์นนี่ในบาฮามาสในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2015 โดยมี แจ็ก ลูกชายของจอห์นนี่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว และ วิทนีย์ น้องสาวของแอมเบอร์เป็นเพื่อนเจ้าสาว

การเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของโคมันชี

จอห์นนี เดปป์ได้เข้าพิธีเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของชาวอินเดียนแดงเผ่าโคมันชี่ และถือว่าเป็นลูกบุญธรรมของ LaDonna Harris หัวหน้าเผ่าโคมันชีในวันที่ 22 พฤษภาคม 2012 โดยเขาถูกเชิญชวนจาก LaDonna หลังจากที่เธอรู้ว่าเขาจะรับบท Tonto ชาวอินเดียนแดงในภาพยนตร์ปี 2013 เรื่อง The Lone Ranger พิธีนี้จัดขึ้นในบ้านของ LaDonna และ Johnny Wauqua ประธานของชนเผ่าโคมันชีก็ได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย นอกจากนั้นเขายังได้รับเชิญไปงาน Comanche Nation Fair ในปี 2012 ซึ่งเป็นงานเทศกาลเฉลิมฉลองประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวอินเดียนแดงและในปี 2013 เขาก็ได้จัดให้มีการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง The Lone Ranger ใน Oklahoma เป็นแห่งแรก และเป็นวันเดียวกันกับเทศกาล Comanche Nation Fair ในปีนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติชาวอินเดียนแดงที่ถูกนำไปอ้างอิงในภาพยนตร์ย รวมถึงในงานเปิดตัวรอบ world premiere ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางผู้จัดก็ได้บริจาครายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้างานส่วนหนึ่งให้กับมูลนิธิของชาวอินเดียนแดงอีกด้วย

เพื่อนสนิท

จอห์นนี เดปป์มีเพื่อนสนิทในวงการอยู่หลายคน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักแสดงในยุคเก่า ด้วยความที่เขาชื่นชอบภาพยนตร์ยุคเก่าเป็นทุนเดิม ทำให้เขาเข้ากับนักแสดงในยุคนั้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็น มาร์ลอน แบรนโด, อัล ปาชิโน หรือ เฟย์ ดันนาเวย์ โดยเฉพาะมาร์ลอน แบรนโด จอห์นนีได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขานับถือมาร์ลอนเป็นทั้งพ่อ ครูและเพื่อนในคนคนเดียวกัน แต่หากจะพูดถึงเพื่อนสนิทของจอห์นนีในวงการภาพยนตร์นั้น ก็คงจะขาด ทิม เบอร์ตัน และ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ ไปไม่ได้ เนื่องจากทั้งสามคนได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์หลายเรื่องทำให้เกิดความสนิทสนมกันจนกระทั่งทิม เบอร์ตันและเฮเลน่าได้ยกให้จอห์นนี เดปป์เป็นพ่อทูนหัวของลูกชายคนแรกของพวกเขา

จอห์นนียังมีเพื่อนสนิทในวงการเพลงอยู่หลายคน เช่น มาริลีน แมนสัน, อลิซ คูเปอร์, คีธ ริชาร์ดส์, พอล แม็กคาร์ตนีย์ และสมาชิกในวง แอโรสมิธ เป็นต้น นอกจากในวงการภาพยนตร์และเพลงแล้ว เพื่อนสนิทอีกคนของเขาก็คือ Hunter S. Thompson ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังที่มีภูมิลำเนาอยู่ในรัฐเคนทักกี้เช่นเดียวกันกับเขาด้วย

คดีความ

ปี 1994 จอห์นนี เดปป์ถูกจับในข้อหาทำลายข้าวของในโรงแรม Mark ในนิวยอร์ก โดยในตอนนั้น Roger Daltrey นักร้องนำวง Who คือคนที่เข้าพักอยู่ในห้องข้าง ๆ ห้องพักของจอห์นนี โรเจอร์ได้โทรเรียกตำรวจเพราะได้ยินเสียงดังมาจากในห้องพักของจอห์นนี และเมื่อตำรวจมาถึงก็พบว่าข้าวของบางส่วนในห้องพักถูกทำลาย เขาถูกปรับเป็นเงินราว ๆ 1200 เหรียญและจำคุกเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกไป

ปี 1999 จอห์นนี เดปป์ถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกายปาปารัซซี่ หลังจากที่เขาทานข้าวกับวาเนสซ่า ปาราดีส์ซึ่งเป็นคนรักของเขาในขณะนั้น ทั้งคู่ก็ได้ออกมาจากร้านอาหาร โดยที่ในตอนนั้นปาราดีส์กำลังตั้งท้องได้หลายเดือน จอห์นนีจึงกลัวเธอได้รับอันตรายและได้ขอร้องให้ปาปารัซซีอยู่ให้ห่างจากปาราดีส์ แต่มีปาปารัซซีคนหนึ่งได้เดินตามปาราดีส์ไปถึงรถและพยายามฉุดเธอออกมา จอห์นนีจึงได้คว้าท่อนไม้ใกล้ตัวและฟาดไปที่แขนของปาปารัซซี่คนนั้นทำให้เขาถูกจับในที่สุด

ปี 2012 เขาถูกฟ้องจาก Robin Eckert ในข้อหาโดนการ์ดของจอห์นนีทำร้ายร่างกายในคอนเสิร์ตที่ลอสแอนเจลิสโดยที่เขายืนดูอยู่เฉย ๆ และไม่ได้เข้าไปห้ามการ์ดของตัวเอง จากการสืบพยานทำให้ทราบว่าโรบินมีพฤติกรรมคล้ายคนเสียสติและดูเหมือนจงใจก่อความวุ่นวายให้กับจอห์นนี จนกระทั่งการ์ดของผู้จัดงานคอนเสิร์ตได้เข้ามาดึงตัวเธอออกไป คดีนี้ยืดเยื้อมาจนกระทั่งเดือนตุลาคม ปี 2012 ศาลจึงตัดสินให้โรบินสามารถเรียกค่าเสียหายจากจอห์นนีได้เพื่อแสดงความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย และปิดคดีลงในวันที่ 12 สิงหาคม 2013

ปี 2014 จอห์นนีโดนหมายศาลในคดีแปลก ๆ เพราะทนายความอยากให้เขาช่วยไปเป็นพยานว่าลูกความของเขามีความผิดปกติทางจิต เนื่องจาก Nancy Lekon ลูกความของทนายความคนนั้น กำลังขับรถลีมูซีนของตัวเองอยู่ที่ย่านดาวน์ทาวน์ใน LA ในปี 2009 จู่ ๆ เธอก็ขับขึ้นไปบนทางเท้าทั้ง ๆ ที่มีคนเดินอยู่ ก่อนที่ร่างของเหยื่อจะถูกลากติดกับรถไปหลายไมล์และเสียชีวิตในที่สุด Lekon ถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรม และคดีของเธอจะถูกตัดสินในเมษายน 2014 ในตอนที่โดนตำรวจจับ เธอได้อ้างตัวว่าเธอคือแฟนสาวของจอห์นนี เดปป์และกำลังจะไปหาเขาเพราะได้นัดกันไว้ ตำรวจและทนายจึงได้ขอให้จอห์นนีช่วยเป็นพยานว่าเธอเสียสติ แต่ในที่สุดทุก ๆ ฝ่ายที่มีส่วนร่วมในคดีนี้ก็ได้ลงความเห็นว่าเธอมีความผิดปกติทางจิต ทำให้เขาไม่ต้องเป็นพยานในคดีนี้ในที่สุด

ศาสนา

จอห์นนีประกาศตัวว่าเขาไม่มีศาสนาถึงแม้ครอบครัวของเขาจะเป็นคาทอลิคก็ตาม โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาไม่มีศาสนาแต่สนใจในทุกศาสนา เขาเชื่อว่าขนบธรรมเนียมทั้งเก่าและใหม่นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และเราควรจะนำข้อดีของทั้งสองอย่างมาปรับใช้ในชีวิตมากกว่าที่จะยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือต้องเข่นฆ่ากันเพราะเห็นต่างในด้านศาสนา เขาเชื่อในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลหรืออไญยนิยม

ในวันที่ 16 ตุลาคม 2011 รายการLarry King Liveได้ไปสัมภาษณ์เขาที่ออฟฟิศและถามถึงเรื่องความเชื่อหรือสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของเขา จอห์นนีได้ให้คำตอบว่า เขาเชื่อมั่นในลูก ๆ ของเขา และเชื่อมั่นในเรื่องของความมุ่งมั่นตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ถึงแม้จะมีอุปสรรค แต่เขาไม่มีความเชื่อในด้านศาสนา

รอยสัก

ปัจจุบันจอห์นนี เดปป์มีรอยสักทั้งหมด 32 รอย โดยรอยสักที่สำคัญ ๆ คือรอยสักคำว่า Lily-Rose ซึ่งเป็นชื่อลูกสาวของเขาบนหน้าอกซ้าย รอยสักคำว่า Jack และรูปนกกระจอกบนข้อมือขวาซึ่งคล้ายคลึงกับรอยสักของกัปตันแจ็ก สแปร์โร่วแต่เขาสักให้ลูกชายของเขาซึ่งมีชื่อเดียวกันกับตัวละครตัวนี้ รอยสักหัวใจสามดวงที่ต้นแขนซ้าย ซึ่งเขาหมายถึงวาเนสซ่าและลูก ๆ และถึงแม้ในตอนนี้เขาจะเลิกลากับวาเนสซ่าไปแล้วแต่จอห์นนีก็ยังไม่ได้ลบรอยสักนี้ออก รอยสักคำว่า Betty Sue บนรูปหัวใจซึ่งเป็นชื่อแม่ของเขาบนต้นแขนขวา และรอยสักรูปแม่ของเขาในตอนที่เป็นบริกรหญิงอยู่ที่แขนซ้าย และรอยสักรูปตาของเขาในชุดชาวประมงอยู่ที่แขนขวา นอกจากนี้จอห์นนี เดปป์ยังมีรอยสัก matching tattoo กับมาริลีน แมนสันที่หลังอีกด้วย